เหรียญสมเด็จกรมพระปรมานุชิตชิโนรส ครบ 200 ปี 2533 เนื้อทองคำ พิธีเดียวกันกับพระกริ่ง ในหลวงเสด็จเททอง พิธีใหญ่ หายากมาก
พิธีพุทธาภิเษกและชัยมังคลาภิเษก ณ พระอุโบสถวัดเชตุพนฯ ในวันที่ 29พฤศจิกายน 2533 โดยท่านสมเด็จญาณสังวรพระสังฆราช ทรงเป็นองค์ประธาน หลวงพ่อคูณร่วมพิธี พร้อมด้วยพระคณาจารย์ผู้ทรงวิทยาคุณอีก 64รูป
เหรียญสมเด็จกรมพระปรมานุชิตชิโนรส ครบ 200 ปี 2533 เนื้อทองคำ น้ำหนัก 7.8 กรัม
สำหรับ “พระกริ่งเนื้อทองคำ” และ “พระกริ่งเนื้อเงิน” ได้นำทองคำและเงินบริสุทธิ์ไปรีดเป็นแผ่นสี่เหลี่ยมจัตุรัส แล้วมอบให้พระเกจิที่เชี่ยวชาญลงอักขระ พระยันต์ 108 ดวง และ นะปถมัง 14 นะ จึงนับว่าพระกริ่งปรมาฯ เนื้อทองคำและเนื้อเงิน เป็นพระกริ่งที่ดีทั้งในและดีทั้งนอก พิธีกรรมกระทำภายในพระอุโบสถวัดเชตุพนฯ โดยนำโลหะชนวนที่เหลือ ไปผสมกับโลหะชนิดอื่นๆ และแผ่นทองแดง ที่ลงอักขระเลขยันต์ 108 ดวง และ นะปถมัง 14 นะ เช่นกัน จึงเป็นเนื้อนวะโลหะ ที่สมบูรณ์ครบถ้วน นอกจากนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ เสด็จฯ ทรงเททองหล่อ “พระกริ่งปรมาฯ เนื้อทองคำ เนื้อเงิน และ เนื้อนวะโลหะ อย่างละ 1 กระบอก ในวันศุกร์ที่12 ตุลาคม พ.ศ. 2533 วันแรม 8 ค่ำ เดือน 11 จากนั้นช่างนำไปผสมเจือในแต่ละเนื้อ ที่จะทำการหล่อพระกริ่งทั้งสามเนื้อดังกล่าวสืบไป ต่อมาวัดเชตุพนฯ ได้ประกอบพิธีกดพิมพ์พระผงวาสุกรี เป็นปฐมฤกษ์ในวันเสาร์ที่ 17 พฤศจิกายน 2533เวลา 21.29 น. ณ ตำหนักวาสุกรี และประกอบพิธีพุทธาภิเษกและชัยมังคลาภิเษก ณ พระอุโบสถวัดเชตุพนฯ ในวันที่ 29พฤศจิกายน 2533 โดยท่านสมเด็จญาณสังวรพระสังฆราช ทรงเป็นองค์ประธาน พร้อมด้วยพระคณาจารย์ผู้ทรงวิทยาคุณอีก64รูป เช่น
หลวงพ่อคูณวัดบ้านไร่
หลวงพ่อหยอด วัดแก้วเจริญ
หลวงพ่อแผ่ว วัดโตนดหลวง
หลวงพ่อไสว วัดปรีดาราม
หลวงพ่อหลิว วัดไร่แตงทอง
หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ
หลวงพ่อเกตุ วัดเกาะหลัก
หลวงพ่อเต้า วัดเกาะวังไทร
หลวงพ่อแช่ม วัดดอนยายหอม
หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง
หลวงพ่อสง่า วัดหนองม่วง
หลวงพ่อเริ่ม วัดจุกกะเฌอ
หลวงปู่คำพัน วัดธาตุมหาชัย
หลวงพ่อยิค วัดหนองจอก
หลวงปู่คร่ำ วัดวังหว้า เป็นต้น
พระกริ่งกรมสมเด็จพระปรมานุชิตชิโนรส วัดพระเชตุพนฯ สร้างขึ้นเนื่องในโอกาสUNESCOได้ประกาศสดุดี ยกย่อง สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส สมเด็จพระสังฆราชเจ้าองค์ที่ ๗ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เป็นบุคคลสำคัญของโลก และฉลองพระประสูติกาลครบ ๒๐๐ ปี
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงประกอบพิธีเททองหล่อ เมื่อวันที่ ๒๙ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๓๓
สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ เสด็จฯทรงประกอบพิธีพุทธาภิเษก พร้อมด้วยพระคณาจารย์ผูทรงวิทยาคุณ ๖๕ รูป
พระกริ่งกรมสมเด็จพระปรมานุชิตชิโนรสนี้ สร้างตามตำราการหล่อพระชัยวัฒน์ของสมเด็จพระพนรัตน์ วัดป่าแก้วที่ตกทอดมายังสมเด็จพระวันรัตเจ้าอาวาสองค์แรกของวัดพระเชตุพนฯ ก่อนจะแพร่หลายไปยังวัดบวรฯ(พระกริ่งปวเรศ) , วัดสามปลื้ม(ท่านเจ้ามา) , และวัดสุทัศน์ฯ(สมเด็จพระสังฆราชแพ)
ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจากหนังสือ "มหามงคลแห่งแผ่นดิน" เรียบเรียงโดย "คุณอดุลย์นันท์ทัต กิจไชยพร"
สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส ทรงเป็นพระสงฆ์รูปแรกที่ได้รับการถวายพระเกียรติจากยูเนสโก ประกาศให้เป็นบุคคลผู้มีผลงานดีเด่นด้านวัฒนธรรมระดับโลก เนื่องในวาระฉลองวันประสูติครบ 200 ปีเมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2533
ทรงแตกฉานในภาษาบาลี พระนิพนธ์ที่แสดงให้เห็นถึงพระปรีชาสามารถในภาษาบาลีคือ พระนิพนธ์เรื่อง “สุคตวิทัตถิวิธาน” ซึ่งทรงนิพนธ์เป็นภาษาบาลี นอกจากนี้ยังได้ทรงนิพนธ์เรื่องเบ็ดเตล็ดอื่น ๆ เป็นภาษาบาลีอีกหลายเรื่อง
นอกจากจะเป็นปราชญ์ทางภาษาบาลีแล้ว
ยังทรงมีพระปรีชาสามารถ ในด้านต่าง ๆ พอประมวลได้ดังนี้ คือ ด้านสถาปัตยกรรมทรง ออกแบบพระปฐมเจดีย์ องค์ที่เป็นอยู่ปัจจุบัน เมื่อปี พ.ศ. 2396
ด้านโบราณคดี ทรงเป็นนักอ่านศิลาจารึกรุ่นแรกของไทยได้ศึกษาและรวบรวมจารึกต่างๆ ในประเทศไทยไว้มาก และได้ ทรงอ่านจารึกสุโขทัยหลักที่2 ที่เป็นอักษรขอมเป็นพระองค์แรก
ด้านประวัติศาสตร์ ทรงนิพนธ์ลิลิตพงศาวดารเหนือ เรื่องพระปฐมเจดีย์ และพระราชประวัติพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้า ฯ เป็นต้น
ด้านดาราศาสตร์ทรงพระนิพนธ์ ตำราปักขคณนา (คำนวนปฏิทินทางจันทรคติ) ไว้อย่างพิสดาร
ด้านวิทยาศาสตร์ ทรงบันทึกจำนวนฝนตกเป็นรายวัน ติดต่อกันเป็นเวลาถึง 45 ปี ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2389 ถึงปี พ.ศ. 2433 เพื่อเป็นการเก็บสถิติน้ำฝนในประเทศไทย เรียกบันทึกนี้ว่า จดหมายเหตุบัญชีน้ำฝน